วันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

การเลือกใช้เทียนหอมที่มีคุณภาพ


เดี๋ยวนี้การจุดเทียนหอมไม่เพียงเป็นที่นิยมในสปาเท่านั้น แต่ว่ายังนิยมจุดในห้องเพื่อสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายอีกด้วย การจุดเทียนหอมอย่างไรให้ถูกวิธี แล้วได้กลิ่นหอมที่ปลอดภัยต่อผู้ใช้ มีเคล็ดลับดีๆ จากรายการ The List ควรเลือกเทียนหอมที่ทำจากขี้ผึ้งธรรมชาติแท้ๆ หรือไขที่สกัดจากถั่วเหลืองไม่มีส่วนผสมพาราฟินซึ่งเป็นสารสังเคราะห์

เพราะเมื่อจุดเทียนหอมในห้องที่ไม่มีอากาศถ่ายเทจะทำให้เกิดก๊าชพิษ นอกจากนี้น้ำมันหอมระเหยที่ผสมในเทียนหอมก็ควรเป็นน้ำมันหอมระเหยจากธรรมชาติ เพราะจะได้กลิ่นที่เหมือนกับธรรมชาติแล้วหอมกว่าด้วย

เทียนหอมที่มีคุณภาพนั้น ต้องแทบจะไม่มีควัน หรือเขม่าควรเลือกไส้เทียนที่ทำจากคอตตอน 100 เปอร์เซ็นต์ หรือใยกัญชงและก่อนจุดเทียนควรจัดให้ไส้เทียนอยู่ตรงกลางพร้อมเล็มไส้เทียนให้มีความยาวประมาณ 1/4 นิ้ว หรือว่า 7 มม.

เพื่อลดการเกิดควัน หน้าเทียนควรจะละลายได้เท่ากันหมดตามเวลาที่เหมาะสมโดยคร่าวๆ ควรจุดประมาณ 3 ชั่วโมงสำหรับเทียน 300 กรัม หรือว่า 1 ชั่วโมงสำหรับเทียน 50 กรัม ทั้งนี้ก็จะไม่มีปัญหาของเทียนบุ๋มเฉพาะตรงกลางแล้วเหลือแต่ขอบไว้ มีกลิ่นหอมแม้ตอนเทียนหอมใกล้หมด และที่สำคัญควรดับเทียนหอมเมื่อเทียนหอมเหลือจากก้นภาชนะประมาณ 1 เซ็นติเมตร ไม่เช่นนั้นอาจทำให้ข้างใต้ร้อนเกินไปจนเกิดอันตรายได้ ทั้งนี้ควรวางเทียนหอมให้อยู่ในสายตาโดยไม่วางใกล้บนวัสดุติดไฟได้ง่าย

วันอาทิตย์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ประวัติการเทียนหอม

สมัยก่อนประวัติศาสตร์ มนุษย์ยังไม่มีการรู้จักใช้ไฟ รู้จักเพียงแต่ความมืดในเวลากลางคืน และความสว่างในเวลากลางวัน ต่อมาเริ่มรู้จักการใช้ไม้มาเสียดสีกันให้ได้ความร้อน แล้วเกิดเป็นเปลวไฟเกิดขึ้น และเริ่มใช้ไฟมาหุงหาอาหาร ให้แสงสว่าง และป้องกันภัยจากสัตว์ร้ายต่างๆและวิวัฒนาการก้อได้เริ่มพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง เริ่มมีการใช้คบเพลิง
เพื่อเป็นการให้แสง ส่องสว่าง มีการประยุกต์นำมาใช้เป็นการติดต่อสื่อสารในระยะไกล จะเห็นได้จากไฟในประภาคาร ที่มีการติดต่อสื่อสารระหว่างยามฝั่งกับเรือ และให้สัญญาณต่างๆระหว่างภูเขาแต่ละลูก โดยมีรหัสที่เข้าใจตามแต่จะตกลงกันในสมัยนั้น จะเห็นได้ว่ามนุษย์ได้มีการใช้ไฟเข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน และต่อมาในสมัยศตวรรษที่ 19 ได้มีการนำเทียนเข้ามาเกี่ยวข้องกับพิธีกรรมเป็นอย่างมาก
เนื่องจากไฟ มีเป็นสัญลักษณ์ของการเผาผลาญ และความโชติช่วงชัชวาลย์ และมนุษย์บางเผ่าในสมัยนั้นนับถือให้เป็นเทพไฟ มีการบวงสรวงและประกอบพิธีกรรมทาง ศาสนา หรือตามแต่ความเชื่อ จะเห็นได้จาก พิธีการแต่งงาน ซึ่งมีความหมายของการเริ่มต้น แสงแห่งเปลวเทียนจะนำทางไปสู่ความสว่างไสวในชีวิตคู่
ชาวอเมริกันนิยมนำเทียนมาประดับประดาบนโต๊ะอาหาร แสดงถึงฐานะ ความภูมิฐาน และมีรสนิยม และเพื่อให้เกิดความสว่างไสว อีกทั้งแสงสว่างของเทียน สามารถสร้างบรรยากาศ และดูสวยงามอีกด้วย ในปัจจุบันได้มีการประยุกต์ให้นอกจากเทียนมีความสวยงามแล้ว ยังมีการนำกลิ่นหอม หรือน้ำมันหอมละเหยมาผสมเพื่อให้ได้กลิ่นตามต้องการ และนอกจากนี้ กลิ่นน้ำมันหอมละเหยนี้ มีคุณสมบัติพิเศษซึ่งแตกต่างกันออกไป เช่น
บางชนิดสามารถที่จะรักษาโรคได้ แก้อาการเครียด และทำให้ร่างกายผ่อนคลาย กลิ่นบางชนิด สามารถไล่ยุงได้ น้ำมันหอมละเหยเหล่านี้ได้มาจากการสกัดจากพืช และสมุนไพรทางธรรมชาติ และบางชนิดได้มาจากการสังเคราะห์
ซึ่งในปัจจุบันได้รับความนิยม ด้วยคุณลักษณะที่เป็นสิ่งที่ได้จากธรรมชาติ และช่วยรักษาสุภาพ ราคาไม่แพง เหมาะที่จะนำไปเป็นของขวัญ ของที่ระลึกฝากคนที่คุณรัก เพื่อแสดงความห่วงใยต่อสุขภาพของคนที่คุณรัก